Friday, September 21, 2007

Friday, May 25, 2007

แฉฝ่ายค้านมาเลเซีย หนุนโจรแยกรัฐปัตตานี โชว์วีซีดีหลักฐานเด็ดมัดพรรคปาส ไล่ล่า"สะแปอิง"หัวโจกบีอาร์เอ็น หน่วยงานความมั่นคงของไทยโชว์หลักฐานเด็ดวีซีดีการประชุมพรรคปาส ฝ่ายค้านมาเลย์ โจมตี ไทยอยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่กรือเซะ-ตากใบ โยนบาป"ทักษิณ"จับมือพี่เบิ้มสหรัฐฯ พร้อม ยุยงส่งเสริมเยาวชนให้ก่อนกวนเพื่อแบ่งแยกรัฐปัตตานี ยันส่งเงินหนุนโจรใต้ ขณะที่กอ.สสส. จชต.เปิดแถลงจับ 4 อุสตาซ ล่า"สะแปอิง"หัวโจกบีอาร์เอ็นที่หนีไปได้ เผยเตรียมซ่องสุมกำลัง เพื่อสถาปนารัฐตามแผน 7 ขั้น ด้านนายกฯเย้ย รอชาติหน้าก็ไม่ได้เป็นผบ.สส. ส่วนสถานการณ์ รายวันโจรชั่วยิงตำรวจตายอีกศพ แหล่งข่าวด้านความมั่นคงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยเมื่อวันที่ 16 ธันวาคมนี้ ว่า ขณะนี้มีการเผยแพร่วีซีดีการอภิปรายของสมาชิกพรรคปาส ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านในรัฐสภามาเล เซียบางช่วงในการประชุมสมาชิกรัฐสภามาเลเซีย เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยวันนั้น ส.ส.รัฐบาล และฝ่ายค้านมาเลเซีย ลงมติประณามเหตุการณ์รุนแรงที่ยังคงเกิดขึ้นในจังหวัดชาย แดนภาคใต้ของไทย ภายหลังการเสียชีวิตของชาวมุสลิม 85คน ที่อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ในระ หว่างการถือศีลอด เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ให้กับสมาชิกพรรคปาส ยึดซีดีฝ่ายค้านมาเลย์จวก"ทักษิณ" โดยวีซีดีดังกล่าวมีทั้งหมด 2 แผ่น ซึ่งรายละเอียดวีซีดีแผ่นที่ 1 เป็นการอภิปรายของนายต่วน อิสมาแอล ระบุความตอนหนึ่งว่า มีความพยายามที่จะแยก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นเป็นการใช้กลอุบายในการฆ่ามุสลิม ฆ่าโต๊ะครู มีการตรวจค้นปอเนาะ และมัสยิด ซึ่งเป็นกล อุบายแล้วโยงเรื่องต่างๆ ให้มาเลเซียเป็นผู้อยู่เบื้องหลังใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่มีชาวอิสลามกว่า ร้อยละ 90 เป็นคนเชื้อสายปัตตานี มีเครือญาติบางส่วนอยู่ในกรุงเทพฯ ที่แท้พรรคปาสส่งเงินหนุนโจรใต้ สมาชิกของพรรคปาส ยังกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า อยู่เบื้องหลัง เหตุการณ์ที่กรือแซะและที่ตากใบ โดยระบุว่า นายกฯทักษิณ มีความเป็นอเมริกา เหมือนกรณีที่เกิด กับประเทศอีรักและประเทศอัฟกานิสถาน ต่อไปก็จะเป็นชาวมุสลิมในรัฐปัตตานี แต่ขณะนี้ขบวนการ ของเราที่ปัตตานี มีกำลังพร้อมอาวุธอยู่แล้ว ต่อไปเราจะได้เห็นการซาฮีด(พลีชีพในหนทางของพระ เจ้า)ในรัฐปัตตานี เพราะว่าเรามีตัวหลักอยู่ คือ หะยีมะ เปาะฮะ,หะยีเซ็ง และต่วน+++ยะลา โดย ก่อนจะถึงวันรายอ(ประมาณวันที่ 24-25 มกราคม 2548)จะมีการสนับสนุนให้รัฐปัตตานี ด้วยซากาต (การบริจาคทรัพย์สมบัติเมื่อครบรอบปี หรือที่เกินจากส่วนที่จำเป็น)จากโลกอาหรับ โดยเงินทุกบาท ทุกสตางค์ จะตกถึงมือขบวนการของเรา ชักชวนพี่น้องมุสลิมทำจีฮัดตอบโต้ แหล่งข่าว กล่าวว่า ส่วนวีซีดีแผ่นที่ 2 มีการแปลคำอภิปรายของ นายหะยีมะฟุร(มีเชื้อสาย ปัตตานี)ตอนหนึ่ง ว่า ขบวนการมุสลิมของเรามีอยู่ทั่วโลกแล้วและที่ปัตตานีก็มีเหมือนกัน ขณะนี้ทั่ว โลกรับรู้แล้วว่า ปัตตานีก็เป็นดินแดนของมุสลิมด้วยกัน ซึ่งยังถูกฆ่าอย่างโหด+++ม ต่อไปชาวมุสลิม ในพื้นที่ต้องกระทำจีฮัด เพราะเราต้องยึดถือคัมภีร์อัลกุรอานเป็นแนวทางต่อไป นายหะยีมะฟุร ยังอภิปรายต่อว่า ตรงไหนมีมัสยิด ตรงไหนมีปอเนาะ ตรงไหนมีนักวิชาการ อิสลาม ทักษิณถือว่า เป็นคลังที่เก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ หรือเป็นที่ซ่องสุมของพวกหัวรุนแรง ขอให้พวก เราทั้งหลายจงระวังให้ดี ขณะนี้ทักษิณมีพวกเราด้วยกันเองเป็นหนอนบ่อนไส้ เข้ามาแทรกแซงใน เขตรอยต่อของเรา จนท.ชี้แพร่วีซีดีมุ่งปลุกลุกแก้แค้น ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเสนอความเห็นประกอบว่า จากการที่ล่ามได้ดูแผ่นวีซีดีดังกล่าว แล้วรู้สึกว่า เมื่อกลุ่มวัยรุ่น หรือแนวร่วมได้รับชมภาพดังกล่าว จะมีความรู้สึกฮึกเหิม โดยเฉพาะ ถ้านำไปเปิดในมัสยิด หรือปอเนาะในพื้นที่ คาดว่าจะกระจายอยู่ตามพื้นที่ 3 จังหวัดแล้ว และวีซีดีดัง กล่าวน่าจะเป็นการยุยงเพื่อให้เกิดความเคียดแค้นและก่อให้เกิดการปฏิบัติในการก่อความไม่สงบ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ล่าอุสตาซสะแปอิงล้างสมองโจ๋ ด้าน พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ ผอ.สสส.จชต.และพล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมสอบ สวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)แถลงข่าวจับกุม 4 แกนนำโจรใต้ ประกอบด้วย นายแวยูโช๊ะ แวดือราแม อดีตครูฝ่ายปกครองโรงเรียนธรรมวิทยา จ.ยะลา นายอับดุลรอเซะ หะยีดอเลาะ นายอา หามะ บูระ ครูสอนศาสนาโรงเรียนธรรมวิทยา และนายมูอาหมัดคานาฟี ดอเลาะ ครูโรงเรียน สตรีอิสลามมูลนิธิ จ.ยะลา พร้อมออกหมายจับ นายสะแปอิง บาซอ เจ้าของโรงเรียนธรรมวิทยา มูลนิธิ ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนี ทั้งหมดถูกตั้งข้อหาร่วมกันเป็นกบฏแบ่งแยกดินแดน ก่อนนำตัวไปสอบ สวนขยายผลที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ใช้ปอเนาะ421แห่งซ่องสุมกำลัง แหล่งข่าวแจ้งว่า นายสะแปอิงปฏิบัติการทางการเมืองในโรงเรียนปอเนาะอย่างลับๆ ภาย ใต้ชื่อองค์กร"บีอาร์เอ็น-โคออนิเนท"ซึ่งโรงเรียนจะมีผู้ควบคุมดูแลอีก 2 คน โดยทั้ง 2 คนเป็นลูก ชายของพี่ชายอดีต ส.ส.ซึ่งทั้ง 2 คนนี้ ผ่านการศึกษาจากประเทศปากีสถาน ได้ทำการสะสมอาวุธ และสร้างกองกำลัง มีเป้าหมายเพื่อแบ่งแยกดินแดนสร้างรัฐอิสลามปัตตานี โดยแอบแฝงสร้างกอง กำลังอย่างลับๆ ผ่านทางโรงเรียนปอเนาะและโรงเรียนสอนศาสนาสายสามัญพื้นที่ 3 จังหวัดภาค ใต้ โดยมีปอเนาะในสังกัด 121 แห่ง รวมกับโรงเรียนศาสนาสายสามัญอีก 300 แห่ง มีเป้าหมาย ฝึกเยาวชนช่วงเวลา 24.00-04.00น.จำนวน 11 กองกำลังทหาร ฝันหวานตั้งรัฐปัตตานีดารุสราม "1 ใน 11 กองกำลัง มีกลุ่มกำลังของ นายมะแซ อูเซ็ง โจรใต้อันดับที่ 2 ค่าหัว 3 ล้านบาท รวมอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังพบว่า กลุ่มบีอาร์เอ็น-โคออนิเนท เป็นผู้วางแผนการ 1 พันวัน 7 ขั้นตอน ปฏิวัติประกาศเอกราชสร้างรัฐปัตตานีดารุสราม โดยวางแผนปักธงที่ อ.ยะหา จ.ยะลา ซึ่งแผน ปฏิบัติการขั้นที่7 จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม 2547 - 5มกราคม 2548" แหล่งข่าว กล่าว ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจับกุมครูสอนศาสนาเครือข่ายก่อ ความไม่สงบภาคใต้ ว่า ก่อนหน้านี้มีการสอบสวนพยานล่วงหน้ามานานแล้ว ก่อนจะดำเนินการจับ กุม ซึ่งเป็นเครือข่ายที่มีความเชื่อมโยงกันหลายจังหวัด วันที่ 18ธันวาคมนี้ ตนจะอธิบายรายละเอี ยดให้ประชาชนรับทราบทางรายการ"นายกฯทักษิณคุยกับประชาชน"” "ทักษิณ"สั่งจับ100คนแนวร่วมโจร ต่อข้อถามว่า คนกลุ่มนี้มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายต่างประเทศ หรือกลุ่มอาเจะห์ในอินโด นีเซียหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่เชิง เพราะบางคนมีการศึกษาทำให้มีเพื่อนฝูง มีความเชื่อมโยง สัมพันธ์กันแบบเพื่อนเรียนมาด้วยกัน โดยผู้ให้การสนับสนุนกลุ่มโจรมีหลายกลุ่มผสมปนเปกัน โดยมี นักการเมืองท้องถิ่นเข้ามาเกี่ยวพันในบางจุด แต่ไม่โยงถึงนักการเมืองระดับชาติ ต่อไปเหตุการณ์ ภาคใต้น่าจะดีขึ้น เพราะตัววางแผนหรือเสนาธิการถูกจับ ส่วนบางคนต้องหนี โดยเรามีเป้าหมาย จับกุมแกนนำก่อความไม่สงบ ประมาณ 100คน เย้ยโจรจะเป็นผบ.สส.รอชาติหน้า "รัฐบาลอดทนและกลืนเลือดไปหลายอึก ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่าตายรายวันไปพอสม ควร ซึ่งรัฐบาลจะทำอะไรโฉ่งฉ่างไม่ได้ เพราะมีคนคอยจ้องประณามหวังผลทางการเมือง ดังนั้น เราต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ วันนี้ทำอะไรลำบาก เอาไว้หลังเลือกตั้งค่อยว่ากัน ไม่เช่นนั้นจะถูก กล่าวหาว่ากลั่นแกล้ง วันนี้ชาวไทยมุสลิมเข้าใจมากๆและคนในพื้นที่รู้ดีว่า ใครทำอะไรไม่ดี แต่ไม่ กล้า บางคนเคยถูกคนเหล่านี้ทำร้าย พอเห็นรูปถึงกับผงะแทบตกเก้าอี้ เพราะยังหวาดกกลัวว่าคน เหล่านี้จะกลับมาทำร้ายอีก เมื่อวานจับอุสตาซได้ 4คน ซึ่ง 1ใน 4 นั้น จะได้เป็นผบ.สส.รัฐปัตตานี รอชาติหน้าตอนสายๆ ถ้าผมยังมีชีวิตอยู่ ไม่มีทาง"นายกฯกล่าว ครูนราธิวาสหยุดเรียนกลัวโจรยิง วันเดียวกัน บรรดาครูพื้นที่ จ.นราธิวาส จำนวน 3 พันคน ออกมาชุมนุมประท้วงมาตรการ รักษาความปลอดภัยของภาครัฐ พร้อมประกาศปิดเรียน 2 วัน ตั้งแต่วันที่ 16-17 ธันวาคมนี้ เพราะ ภาครัฐคุ้มครองดูแลครูไม่ได้ โดยตั้งแต่เกิดความไม่สงบเมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีครูเสียชีวิตขณะเดิน ทางมาปฏิบัติหน้าที่และกลับบ้านพัก จำนวนกว่า 20 ราย โจรชั่วฆ่าตำรวจปัตตานีดับอีกศพ ก่อนหน้านี้ เวลา 07.30 น.คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ประกบยิง นายสราวุธ อารีนะ อายุ 38 ปี รปภ.ศาลเยาวชนและครอบครัว จ.นราธิวาส ขณะขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนสายระแงะ-ดุซง ญอ ต.บาโงสโตร์ อ.ระแงะ กระสุนถูกกลางหลังและสีข้างซ้าย รวม 2 นัด ก่อนนำตัวส่ง รพ.นรา ธิวาสราชนครินทร์ สันนิษฐานมุ่งสุมไฟใต้ ต่อมาเวลา 17.00น.คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ไล่ยิง ส. ต.ท.ชาญยุทธ ภูดินดาน ผบ.หมู่งานธุรการ สภ.อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ขณะขี่รถจักรยานยนต์อยู่ใน พื้นที่ ม.1 อ.ยะหริ่ง กระสุนเจาะลำตัว 4 นัด เสียชีวิตคาที่ สันนิษฐานมุ่งสมไฟใต้ พิเชตสรุปผลสลายม็อบ17ธ.ค.นี้ นายพิเชต สุนทรพิพิธ ประธานคณะกรรมการอิสระสอบข้อเท็จจริงเหตุสลายม็อบตากใบ จ. นราธิวาส กล่าวว่า คณะกรรมการจะพยายามสรุปผลอย่างช้าไม่เกินวันที่ 17 ธันวาคมนี้ ก่อนจะ ส่งผลสรุปให้ พ.ต.ท.ทักษิณ รับทราบ จากนั้นจะแถลงต่อสาธารณชน ซึ่งความเห็นของคณะกรรม การฯไม่จำเป็นต้องเป็นเอกฉันท์ เพราะกรรมการแต่ละคนมีความเป็นอิสระ โดยผลสรุปมีข้อเท็จ จริง ข้อพิจารณาและข้อเสนอแนะ โดยระบุผู้รับผิดชอบในเหตุการณ์แต่ละช่วงเวลา ซึ่งขึ้นอยู่กับรัฐ บาลพิจารณาว่า ใครควรรับผิดชอบอย่างไร

แผนการยึดประเทศไทย ของ มุสลิม

เรื่อง แผนการยึดประเทศไทยใน 20 ปี พวกโจรใต้เงินหวยไปสนับสนุนโจรสมุนก่อการร้ายภาคใต้ และพวกนี้คอรับชั่นได้หลายหมื่นล้านแล้ว ซึ่งไม่เกี่ยวกับธนาคารแห่งประเทศไทยที่หม่อมอุ๋ยโดนจับได้ว่าคอรับชั่นเมื่อปี49 จึงชิ่งหนีลาออกไปก่อน เพราะตอนนั้นปี49เงินทุนสำรองระหว่างชาติหายไปแปดแสนล้านโดยแบงคชาติอ้างว่า เมืองไทยทะเลาะกัน นักลงทุนถอนหุ้นหนีออกเกือบ80%เลยทำให้เงินทุนสำรองระหว่างชาติไหลออกไปบัญชีไหนไม่มีใครทราบ หายไป800000ล้านบาท พอมาปี50 แบงคชาติบอกว่านำเงินบาทไปแลกเงินดอล ได้กำไร600000ล้านบาทแต่หัก3%300000 ล้านบาท หายไปบัญชีไหนไม่มีใครทราบ พอมาล่าสุดบอกว่าแทรกแซงค่าเงินบาท1ล้านล้านบาทบอกว่านำเงินบาทไปซื้อดอลยังต่างประเทศเพื่อให้เงินบาทอ่อนลงเพื่อแทรกแซงแต่ทีนี้มีบัญชีผีตกแต่งขึ้นเงินเข้าบัญชีแบงค์ต่างเทศจริงแต่ชื่อใครมิทราบ ส่วนที่เหลือบอกว่าเอาไปใช้ช่วยในกระทรวงต่างๆ สรุปเกิดบัญชีผีขึ้นอีก ช่วยจริงแต่แอบเก็บส่วย ซึ่งถ้าขืนเป็นอย่างนี้เรื่อยๆประเทศไทยเจ๊งเพราะแบงค์ชาติคือหัวใจหลักสำคัญของไทย จึงอยากขอความอนุเคราะห์ให้ท่านช่วยหาหลักฐานเอาผิดแบงค์ชาติคือคุณธาริสา วัฒนเกศ ผู้ว่าแบงค์ชาติซึ่งแบ่งเงินคอรับชั่นเป็นล้านๆให้คนในกระทรวงการคลังและคนในแบงคชาติ ซึ่งกระทรวงอื่นไม่ได้กิน จึงอยากให้คตส และสตง เข้ามาปราบปรามด้วยจักขอบพระคุณยิ่ง โดยให้มีบอร์ดแบงคชาติเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชาวต่างชาติ10ชาติมาคานอำนาจไว้แบงคชาติไว้เพราะหัวใจสำคัญคือแบงคชาติ ซึ่งแบงคชาติ หลักการและเหตุผล เนื่องจาก มุสลิมโลก ต้องการครองโลก และโดดเดี่ยว สหรัฐอเมริกาและ ยุโรป ด้วยการ เอาเอเชีย (ไทย-ลาว-เขมร-เวียดนาม-พม่า-และมาเลเซีย) รวมเป็นรัฐอิส ลาม หรือเป็น เครือข่าย ผนวกกับอินโดนีเซียเป็นฐานต่อสู้อเมริกาและยุโรป โดยใช้ มาเลเซียเป็น รัฐบาลกลาง โดยมุสลิมโลก นำมุสลิมจากซีเรีย ลิเบียและอาฟกานิสถาน เข้ามาฝึก อาวุธและการสื่อสาร ให้มุสลิมในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงอินโดนีเซีย( ซึ่งมีคนจน มาก) เชื่อมโยงถึงฟิลิปปินส์(ซึ่งมีคริสต์มาก) และมาเลเซีย(อิสลาม เข้มแข็ง) โดย เฉพาะประเทศไทย(เพราะมีพุทธมาก) ซึ่งในปัจจุบันให้ ดร.มหาเธ แห่ง มาเลเซีย เป็น ผู้นำมุสลิมในภูมิภาคเอเซีย แผนการระยะยาว ได้เริ่มปฏิบัติการมาราว 40 ปีแล้ว โดยพยายามเพิ่มประชากรมุสลิมใน ประเทศไทย ด้วยวิธีของศาสนาอิสลาม คือชายอิสลามให้มีภรรยาประจำได้ 4คน (เมื่อมี ลูกแล้วจะ หย่าหรือเลิกไปมีภรรยาใหม่อีกก็ได้ เพื่อจะได้เร่งการมีลูกมีประชากร อิสลามได้ มากและเร็วขึ้น) จากนั้น กก.อิสลาม จะส่งเด็กไทยอิสลามไปเรียนในระดับประถมและมัธยม หรืออาชีวะใน ประเทศมาเลเซีย-อินโดนีเซียหรือชาติอาหรับ (เพื่อให้เลือดมุสลิมเข้ม ข้น) เพราะ ค่าใช้จ่ายถูก โดยกก.อิสลามในประเทศไทยส่งเงินไปช่วยจนจบ(สำหรับใคร ที่ไปบรูไน เรียนฟรี) ส่วนคนมีฐานะให้ไปเรียนระดับปริญญาที่ลิเบีย อิหร่านเป็น ต้น ต่อจาก นั้นได้มีการ วางคนมุสลิมเข้าไปในวงการเมืองและในวงราชการ เพื่อให้ นักการเมือง มุสลิมได้บริหารบ้านเมือง และไปจัดแถวให้ข้าราชการมุสลิมอยู่ใน ตำแหน่งสำคัญใน หน่วยงานราชการ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศมุสลิม แผนการระยะสั้น เรียกแผน ตาลาตี๊ต่ำปง เป็นแผนต่อจากแผนแรก โดยมุ่ง จะยึดครอง ประเทศไทยเป็นประเทศมุสลิมให้ได้ ภายใน 20 ปี (2547-2567) เป้าหมายสำคัญ คือในปี ค.ศ. 2020 (พ.ศ.2569) จะยึดประเทศไทยได้ทั้ง หมด โดยแผน ระบุไว้ว่า "วันที่ไทยจะเศร้าที่สุด คือวันที่ในหลวงสิ้นประชนม์" โดยมาเลย์จะ เป็นผู้รับแผนปกครองไทย และจะใช้กฎหมายอิสลามปกครองประเทศ (มี หนังสือปกที่มหาเธ ใส่เสื้อสีแดง ในเอกสารลับของมุสลิม) เป้าหมายและวิธีดำเนินการ ผู้นำย้ำให้พยายาม ทำให้คนไทยแตกแยกกัน ทำให้พุทธแตกแยก ทำลายสถาบัน พระมหา กษัตริย์ ภายใต้โครงการ ตาลาตี๊ต่ำปง มุ่งหมายทำลายสถาบันพระมหา กษัตริย์ไทย โดย วางมุสลิมเป็นนักการเมือง เข้าสังกัดทุกพรรค นโยบายเชิงรุกในการยึดครองแผ่นดินไทย ภายใน 10 ปี กลยุทธ์ที่ใช้มีดังนี้ (ตาลาตี๊ต่ำปง) ต้องเจาะให้ไทยมันเลือดไหลหมด ตัว แล้วมัน จะค่อยๆตายโดยที่ 1. ต้องยุยงมันให้ทะเลาะกันในหมู่พระสงฆ์ นักการเมือง นักศึกษา ประชาชน ทำลาย สถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องใช้เงินในการทำ CD ให้สถาบันเสื่อม ต้อง ใช้เงินมากก็ ยอม ทำลายติดต่อกัน โดยส่งคนเข้าทุกพรรค 2. การขโมยเด็กไทยพุทธที่ทำมา 39 ปีแล้ว ต้องทำต่อ นำมาฝึกการ โจรกรรม ทำระเบิด เด็กที่ฝึกไว้เหลือไม่กี่ร้อย คงต้องใช้เงินไปซื้อเด็กทางภาค เหนือ อิสาน หรือ แหล่งสลัมในภาคกลาง ถ้าไม่ได้เด็กไทยพุทธตามจำนวน ก็ต้องหลอกล่อพ่อ แม่มุสลิม ว่า ขอลูกส่งไปเรียนนอกประเทศไทย แต่ต้องไปเรียนภาษาอาหรับที่ปอเนาะ ทางภาคใต้ ก่อน เอาเด็กอายุ ไม่เกิน 10 ปี 3. การจ้างคนทำลายพระสงฆ์และวัดไทย ยังต้องทำต่อเนื่อง เอาคนของเรา แทรกเข้าไปใน วัดไทยให้มากที่สุด และวางคนตีโอบทางภาคเหนือลงมาโดยเร็ว โดยใช้ มุสลิมผู้ใหญ่ เข้าไปค้าขายโรตีและของที่ระลึก 4. อย่าให้คนไทยพุทธและอิสลาม 3 จังหวัดใต้มีการศึกษา ให้เผา โรงเรียน ฆ่าครู สร้างปอเนาะเพื่อการปลุกระดม 5. เพิ่มประชากรมุสลิม ให้ชายหญิงแต่งงานเมื่อมีอายุ 12-13 ปี เพื่อ เร่งสร้าง กลุ่มมุสลิมที่เข้มแข็ง 6. ดึงเศรษฐกิจไทยมาเป็นของเรา ต้องเร่งทำ ให้ใช้มุสลิมพื้นที่เข้า ซื้อที่ดิน และกิจการรีสอร์ทโรงแรมตามชายทะเลทุกแห่ง และทุกแหล่งท่องเที่ยว ต้องให้เปลี่ยน มือมาเป็นของมุสลิมและให้คลืบคลานไปถึงกรุงเทพฯ ไม่ต้องห่วงเรื่อง เงิน 7. เร่งทำลายกิจการในทุกพื้นที่ทุกกิจการ โดยเรียกคนมุสลิมที่ทำ งานอยู่ใน กรุงเทพ เข้ามาวางระเบิดธนาคาร สถานที่ราชการ การไฟฟ้า โชว์รูมรถ สถานีรถไฟ รถ ขนส่ง ท่าอากาศยาน ศูนย์การค้า ปั๊มน้ำมัน ก่อนลงมือทำต้องแจ้งให้ มุสลิมใน พื้นที่รู้ก่อน จะได้ไม่ไปโดนลูกหลง 8. ให้เพิ่มเจ้ามือหวยมาเลย์ ไปยังทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน เราต้องเป็น เจ้ามือเพียง ผู้เดียว พื้นที่ใดยังมีคนพุทธเป็ฯเจ้ามือ ให้ฆ่าทิ้งเสีย รับซื้อ หวยรัฐบาล หวย ออมสิน อื่นๆ แม้เพียง 1 บาทก็รับซื้อหมด ให้มันงมงายเล่นหวยมาเลย์ ออกรางวัล สัปดาห์ละ 4 ครั้ง เดือนละ 16 ครั้ง รางวัล ABCD 4ตัว มันไม่ถูกเรา รวย เงินฆ่า มันเอง เราครอบครองได้ทั้ง 3 จังหวัด เพราะรางวัลสูงกว่าหวย ไทย X ทักษิณ ไป แล้วยิ่งทำง่าย 9. การฆ่าคนพุทธเพิ่มมุสลิม ทำให้ได้วันละ 2,000 คน เดือนละหกหมื่น คน ปี ละ 720,000 คน การที่คนของเราไปแต่งกับพุทธดึงคนมา ได้ลูกจะเป็น มุสลิมปีละ 5 ล้านคน อันนี้ต้องทำให้ได้ หลังจากนั้นจะทวีคูณ เป็นการกลืนคนโดย ง่าย การมี มุสลิมมากไว้ต่อรองเป็นสิ่งสำคัญ 10. แย่งชิงผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจดี โดยใช้สุลต่านหรือองค์หญิงที่ เกิดจากรายา ประไหมสุหรี่ ก็ต้องทำ เลือกแต่งงานกับคนมีเงินมีตำแหน่งในรัฐบาล กิจการทองคำ สายการบิน เรือเดินทะเล นักการเมือง กระจายเรื่องนี้ลงในมุสลิมทุก คน 11. การครอบงำกิจการการเงินทุกองค์กร การมีเงินคือการมีอำนาจ ใส่หัว มุสลิมทุกคน ไว้ โดยการช่วยให้มุสลิมคุมการคลัง การเงินทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและ เอกชน ทุกกระทรวง และกิจการโทรคมนาคม วางมุสลิมไว้ในตำแหน่งสูงๆทุกจังหวัด ทุก อำเภอ ทุกตำบล หรือแม้แต่การเงินในวัดไทยก็ต้องใช้คนมุสลิมเข้าไปใกล้ให้ ได้ทำบัญชีของ วัด ในกิจการของ KTB ได้ผลพอประมาร ต้องเข้าไปในธนาคารอื่นด้วย เช่น ธนาคาร สงเคราะห์ และธนาคารของของชาติต่างๆ 12. การสร้างสถานการณ์เรื่องมุสลิมใต้ถูกรังแก ต้องทำต่อเนื่องเพื่อ ให้เกิดความ เข้าใจผิดมากๆ ให้กลุ่มอัลไคด้ารู้ เพื่อส่งต่อให้เจไอ เข้าวางแผน ทำลายล้างมัน 13. การทำแผนที่จุดสำคัญในกรุงเทพและเมืองใหญ่ๆในไทย ต้องเร่งทำให้ เสร็จ เด็ก เราส่งไปเรียนตามสถาบันต่างๆ เวลาว่างให้ช่วยเร่งทำ การเงินไม่ต้อง ห่วง ใช้เงิน ค่าแรงจากเงินที่เรียกค่าคุ้มครอง 4 จังหวัดภาคใต้ เสร็จแล้วส่ง ให้ MD ดำเนิน การต่อ MD[มหาเธ> 14. การปลุกระดมโดยวางคนเข้าไปในกลุ่มมุสลิมในอยุธยา นครสวรรค์ ดอย ปุย และที่ บ่อเกลือชายแดนเหนือทุกจังหวัด ต้องเร่งทำให้เหมือนที่ทุ่งครุ ตลิ่งชัน หนอง จอก มีนบุรี พัทลุง เชียงราย บางแสน ให้ทำต่อเนื่อง ส่วนโรงเกลือ มุสลิมเราเอา คนข้ามไปฝั่งเขมรได้หุ้นคาสิโน และตามออเดอร์ ตะเข็บชายแดน รวมซื้อ หุ้นคาสิโน ที่เกาะสอง เราจะเอาภาคใต้ทั้งหมดไว้ก่อน เร่งสร้างมัสยิดเล็กๆ อย่า ให้คนไทย พุทธรู้ตัว เร่งแทรกซึมเหมือนน้ำ 15. รวบรวมเงินของมุสลิมที่ร่ำรวยให้มากกว่าเดิม ส่งเด็กมุสลิมอื่น ที่ไม่ใช่ลูก ไปเรียนที่อัฟกานิสถานเดิมได้ผลดีเร่งทำต่อเนื่อง เราต้องยึดไทยให้ ได้เหมือนที่ ยึดอินเดียใน 10 ปีเราจะกลืนไทยพุทธให้หมดและจะเร็วยิ่งขึ้น ถ้า มุสลิมได้เรียน เพิ่มแขนงแพทย์ให้มากๆ 16. การวางคนสืบทอดระยะยาว ปลูกจิตสำนึกบ่อยๆ ท่าน MD บอกว่า ถึงแม้ รุ่นท่านไม่ ทันก็ต้องทำต่อไป โดยมีรุ่นเรารุ่นเด็กสืบทอดไปในทุกเรื่องที่วางแผน ไว้ เลือก เด็กฉลาดรับงานด้านศาสนา ปลูกฝังทำเพื่ออัลเลาะห์ ได้ขึ้นสวรรค์ การ สร้างผู้นำ ในทุกๆกลุ่มสำคัญ โดยเฉพาะนักรบแผน 2 4 8 16 32ใช้ได้เสมอ เน้นการ ฟังมวลชน ผู้ใหญ่ 17. การล่อใจให้คนไทยพุทธให้เปลี่ยนศาสนาเป็นมุสลิม โดยให้+++้เงิน ดอกเบี้ยไม่ มีดอก ปีต่อไปมีดอกเล็กน้อย หวังผลภายหน้า เขาจะช่วยเงินกลับมาภาย หลัง ให้ทำต่อ ไปเหมือนโซ่ 18. การเข้าฮุบกิจการของหุ้นส่วน ให้ดูว่าส่วนใดไม่ระวังตัว ให้บอก เจไอเข้า ดำเนินการฆ่าหุ้นส่วน แล้วดึงกิจการมาเป็นของเรา ต้องให้อยู่ในมือ มุสลิมเท่า นั้น 19. ให้อำนวยความสะดวกตามชายแดนที่ติดกับไทย ให้มันเล่นคาสิโนของเรา ให้ได้เงิน มันมากที่สุด ส่งคนของเราตีสนิท สืบถามเรื่องกิจการภูเก็ต กระบี่ พังงา ให้ช่วย ติดต่อซื้อกิจการด้านการท่องเที่ยวให้อยู่ในมือเรา 20. เป็นที่น่ายินดีขณะนี้เร่งส่งคนของเราเข้าแดนไทยให้มากที่สุด ก่อนที่มันจะ สำรวจทะเบียนใหม่ การมีถิ่นฐานในไทย เราจะได้ซื้อที่ดินของมันให้ มาก ก่อนที่มัน จะกั้นแดน เราล้ำที่ดินทุกตารางเซ็นต์ 21. ทุกครั้งที่มีโอกาสต้องขอโน่นขอนี่ให้มากที่สุด การวางตัวคนเข้า พรรคการ เมืองและเป็นข้าราชการระดับสูง สู่เส้นทางบริหาร และเข้าใกล้ KING ( ในหลวง) และ แหล่งศาสนาที่ใหญ่มากที่สุดคือ ธรรมกาย เอาคนของเราใช้เงินไปทำบุญ ซื้อใจ เมื่อ เสร็จแล้ว แฟกซ์ส่งไปที่ KLS จำไว้ 22. เร่งการต่อรองให้เราปกครองตนเอง ให้มีกฎหมายอิสลามใน 3 จังหวัด ชายแดนภาค ใต้ ต้องเร่งทำ เพื่อการแยกดินแดนออกมาง่ายภายหลัง 23. ปลุกเร้าให้มุสลิมขับไล่ทหารออกไปโดยเร็ว ไม่ให้คุ้มครองครู มุสลิมและคน พุทธที่นอกกรอบให้ออกไปจากพื้นที่ 3 จังหวัดขณะนี้การฝึกเด็กของเรา ทำไม่สะดวก กลุ่มปะนาเระถูกจับตา เราต้องเข้าป่าทางบาโจ และบูโด ให้หน่วยกล้า ตายของเราฆ่า คนของพุทธ ในเขตหนองจิก เพื่อดึงความสนใจไปด้านโน้น 24. เรื่องยาเสพติด ถ้าโดนกวนมากๆ ให้ย้ายฝั่งไปเขมรหรือลาว ของที่ ผลิตแล้วใน เกาะสองให้เร่งขาย สะสมเพื่อกิจการใหญ่ของเรา ถ้าโดนจับให้ทุ่มเงิน จ่ายตำรวจ ท้องถิ่น ถ้ามันขัดขืนฆ่าทิ้งแถวพรุ 25. การแลกเงินไทยเป็นดอลล่าร์ ให้แลกเปลี่ยนทุกวัน ไม่ให้ธนาคารไหว ตัว ทำ เศรษฐกิจมันให้ทรุด ให้มุสลิมซื้อบัตรเงินหรือแซงวั่นอื่นๆ ที่ เกี่ยวกับการ เงิน ให้แทรกแทรงกิจการการเงินให้ได้มากที่สุด รวมทั้งการดึงเงินใน พระสงฆ์ไทย ให้มาฝากในธนาคารของเรา 26. การนำรายได้เพิ่มจากอาหารคนและสัตว์ดีมาก เร่งสร้างอาหารฮาราล ส่งขาย อาหรับ เงินจากการขายอาหารแมวสุนัข ะช่วยเพิ่มมุสลิมในยุโรป จีน ญี่ปุ่น สหรัฐ ออสเตรเลีย และฝรั่งเศส 27. ระวังการดักฟังสื่อสาร เอกสารทุกเรื่องที่ประชุมเก็บให้มิดชิด เด็กใหม่ที่ รับคำสั่งให้แน่ใจว่าข้อมูลไม่รั่วไหล อย่าให้จดบันทึกบ้านไทยพุทธ ที่พ่อแม่ถูก ฆ่า ดึงเด็กมาเป็นของเรา สอนให้เปลี่ยนประวัติศาสตร์ ย้ำประวัติ ศาสตร์ อิหม่าม ถูกฆ่า1ให้ฆ่าพระ10 อุสต๊าสถูกฆ่า1 ให้ฆ่าครู10 ประโคมข่าวมุสลิมลี้ ภัยไปหา MD สร้างเหตุการณ์มุสลิมลี้ภัยใต้ให้มากยิ่งขึ้น ออกข่าวให้มุสลิมกลาง ส่งเงินมา ขอ ความเห็นใจจากทั่วโลก ทำให้มันเสียชื่อมากที่สุด เราจะได้ยึดครองได้ ง่าย เร่ง ดึงเด็กไทยพุทธให้ไปเรียนที่ปีนัง อัพแลนด์ ให้ได้ 1000 คน เพื่อการ ปลูกฝัง ขณะ นี้สายรายงานว่า ได้ปักธงลงบางพื้นที่ว่า เราได้ดินแดนไทย 28. ผูกขาดการขายสินค้ากัยพ่อค้าชาวไทย ให้เปลี่ยนชื่อสินค้าทุกชนิด ของเราเป็น ชื่อทางยุโรป รวมถึงน้ำมันปิโตรเลียม ซื้อเข้าเมื่อราคาไทยต่ำ ส่ง กลับให้มาก เมื่อราคาไทยสูง 29. ให้เงินเจ้าหน้าทางชายแดนไทย ให้ช่วยเหลือกิจการของเรา ซื้อพรรค การเมือง ไทย ทำลายศาสนาพุทธ สถาบันชาติ สถาบันกษัตริย์ โดยด่วน www.333ii.com www.macvcdx.com สองเวบนี้เป็นเวบไซด์ลามกสุดของไทยครับขายซีดีนู้ดเขาขายจนรวยได้เงินหลายหมื่นล้านแล้วจึงเรียนมาเพื่อโปรดยึดทรัพย์ เรื่อง ขอความอนุเคราะห์ปราบเวบไซด์ลามกของไทย ขอความอนุเคราะห์ปราบเวบไซด์ลามกของไทยด้วยจักขอบพระคุณยิ่ง โดยท่านเข้าไปที่+++เกิล พิมพ์คำว่า แอบถ่าย จะปรากฏเวบโป๊เป็นร้อยของไทยครับ แต่ที่เรทเอ็กซ์สุดของไทยคือ www.333ii.com www.nisitsai.com ส่วนใจความภาษาอังกฤษข้างล่างรบกวนท่านให้ทุกประเทศทั่วโลกมาประชุมที่ไทยเพื่อให้กระทรวงไอซีทีทุกประเทศปราบเวบไซด์ลามก โดยใช้โปรแกรมข้างล่างดังกล่าวปราบจักขอบพระคุณยิ่ง Project prevent blog www.camfrog.com absolutely run out of by program Anticamfrog beta1.0 by faculty of techonlogy education information by university rangsit that your country could download program free by search open www.rsu.ac.th and open search faculty of techonlogy computer education information but your country should issue policy that all internet café,shop of sell computer should install program anticamfrog make by Visual C#.Net installWindow version 2006 380 KB that easy for install in program and don’t use area in Pc computer that make work by back office in backgrounmode (If your country blog webside dirty sex by this program Visual C#.Net installWindow version 2006 380 KB that easy for install in program and don’t use area in Pc computer that make work by back office that make blog use verbal sex by use super virus computer that webside about sex in google 100 million webside sex dirty will destroy or use verbal buy gun or gun,amfetamine ,sex,hidden,nude,suck,by this program. In the conclusion webside buy or sell gun ,amfetamine ,sex dirty will destroy but your country should this program all computer in your country only. หมายความว่า ปล่อยไวรัสลงโดยบลอคเฉพาะคำว่า gun,amfetamine ,sex,hidden,nude,suck, เพียงเท่านี้เครื่องคอมที่ติดโปรแกรมข้างบนดังกล่าวก็จะไม่สามารถเข้าไปเวบที่มีคำดังกล่าวได้เลย เพราะว่าเวบที่เกี่ยวกับคำพวกนี้จะปรากฏอยู่ใน+++เกิ้ล ซึ่งเซียนที่ชอบนู้ดมักพิมพ์คำว่า แอบถ่าย ทางไทยก็อาจบลอคใส่ไวรัสคล้ายๆy2k โดยกำหนด เฉพาะคำว่า แอบถ่าย ฯลฯ เพียงเท่านี้ เวบเกี่ยวกับแอบถ่ายก็จะไม่ปรากฏขึ้นมาใน+++เกิลต่อไป แต่ต้องมีโครงการให้เครื่องคอมทุกเครื่องในไทยติดโปรแกรมของมหาลัยรังสิตดังกล่าวก็จะไม่สามารถเข้าแคมฟรอกได้ และเวบไซด์ลามกทั่วโลกก็ถูกทำลายได้ถ้าไทยจัดประชุมให้ทุกประเทศเครื่องคอมของเขาติดโปรแกรมป้องกันดังกล่าว ประเทศไทยก็จะมีชื่อเสียงไปทั่วโลก และอยากขอความอนุเคราะห์ให้ปราบพวกเบอร์โทร1900 ซึ่งหาได้ใน+++เกิลพิมพ์คำว่าแอบถ่าย เพราะพวกนี้ลักลอบขายตัว1วันขายได้เฉลี่ยประมาณ80,000 คน ซึ่งเฉลี่ยคิดคนละ2000บาท ถ้าสวยมากจะตก5-8พันบาท ซึ่งไม่สามารถเก็บภาษีพวกนี้ได้ถ้าเก็บภาษีได้ไทยเราก็จะได้เงินเข้าประเทศไม่ต่ำกว่าปีละ3 แสนล้านบาทโดยเก็บภาษีภงด91หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม7%เพราะคนทั่วไทย1วันเข้าไปอาบอบนวด3ล้านคน เที่ยวสาวครั้งละ1500ส่วนมากเข้าไปอาบอบนวดๆมักจะไม่ได้รับใบกำกับภาษีซึ่งถ้าเก็บมูลค่าเพิ่ม7%ได้ไทยเราจะรวยมาก แต่เบอร์1900อยากให้ล้มเลิกไม่ให้พวกนี้มีสาวสวยมาคอยบริการคุยกับแขกและลักลอบขายดังกล่าว จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาช่วยชาติไทย ด้วยความเคารพอย่างสูง นายทศพล ธรรมเจริญอนันต์ องค์การพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย

Wednesday, March 14, 2007

แนวข้อสอบ
วิชา อภิปรัชญา
.................................................................
1. อภิปรัชญาว่าด้วยเรื่องอะไร ?
ตอบ อภิปรัชญา แปลตามตัวว่า ปรัชญาอันยิ่งหรือปรัชญาชั้นสูง ซึ่งว่าด้วยปัญหาพื้นฐานเกี่ยวกับสภาพของโลกและฐานะของมนุษย์ หรือเรื่องความเป็นจริงแท้ของโลกและจักรวาล ของคน และภาวะที่เหนือธรรมชาติต่าง ๆ
ในทัศนะของชาวตะวันตกกล่าวว่า อภิปรัชญา คือ การศึกษาเรื่องภาวะหรือสัตย์ (Being) และความมีอยู่ (Existence) หรือการศึกษาภาวะทั่วไปอย่างใดอย่างหนึ่งของสิ่งทั้งหลาย
ส่วนในทัศนะของชาวตะวันออกบอกว่า อภิปรัชญาในทัศนะของพลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหมื่นนราธิปปะพงษ์ประพันธ์ ทรงคิดขึ้นใช้แทนคำว่า Metaphysics ในทางตะวันตก โดยคิดเทียบเคียงกับคำว่า อภิธรรม ซึ่งว่าด้วยเนื้อความอย่างยิ่ง

2.โลกและจักรวาลในแนวพุทธศาสนา เป็นอย่างไร?
ตอบ โลกและจักรวาลในพุทธศาสนาหรือพุทธปรัชญา ก็คือ เบญจขันธ์หรือสังขารโลก พุทธศาสนาสนใจในเรื่องของสังขารโลกโดยพระพุทธองค์ตรัสว่า “พระองค์ทรงบัญญัติโลก เหตุเกิดแห่งโลก ความดับโลก ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับโลกในร่างกายนี้แหละ อันมีประมาณวาหนึ่ง มีสัญญา มีใจครอง”
แต่ถ้าเราไปยึดเบญจขันธ์เป็นตัวตน(สักกายทิฏฐิ) คือการยึดถือว่า รูปนามมีจริงซึ่งเป็นของของเรา จนทำให้เกิดการมองโลกและจักรวาลว่าเที่ยงในทัศนะของคนบางคน แต่พุทธศาสนาไม่ยึดทั้งวัตถุและจิต แต่ให้มองสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง และบางครั้งวัตถุกับจิตต้องอาศัยซึ่งกันและกัน มันเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยของมันหรือปฏิจจสมุปบาท มันเกิดขึ้น มันตั้งอยู่ และมันดับไป ตามกฎแห่งพระไตรลักษณ์
สรุปก็คือ โลกและจักรวาลคือ ขันธ์5 โดยมี อายตนะ12 และธาตุ18 เป็นองค์ประกอบ
โลกและจักรวาลเกิดได้โดยอาศัยหลักปฏิจจสมุปบาท
ธรรมชาติของโลกและจักรวาล คือหลักพระไตรลักษณ์
ลำดับชั้นของโลกและจักรวาล มี 2 แนวคิด คือ แนวคิดของวิทยาศาสตร์และแนวคิดของพุทธศาสนา

3.ในเรื่องจิตนิยม ให้หาความหมายของคำต่อไปนี้ soul, spirit, Mind, และMental มาพอเข้าใจ?
ตอบ คำว่า soul (จิต) ในทัศนะของเพลโต้บอกว่า จะเป็นจิตก็ไม่ใช่ จะเป็นวัตถุก็ไม่เชิง แต่เพลโต้บอกว่าต้องเข้าถึงความคิด ท่านคงจะหมายถึง ธาตุที่แสวงหาความรู้ที่เรียกว่า “ความรู้สึกนึกคิดของแต่ละคน” มี 3 ขั้นด้วยกันคือ
1.ความรู้ในเรื่องกิเลสตัณหา
2.ความรู้ในเรื่องความผิดชอบชั่วดี
3.ความรู้ในเรื่องเหตุผล
คำว่า spirit คือ ความเห็นอกเห็นใจ การให้อภัยกัน เขาเรียกว่าคนมี spirit คนไทยเขาเรียกว่า คนมีน้ำใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ออกมาจากใจ
คำว่าMind คือสภาวะนามธรรมซึ่งทำหน้าที่รับรู้ รู้สึก คิด จำ เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับกาย และก็ไม่ใช่จิตอีกนั่นแหล่ะ ซึ่งอาจจะเป็นการกระตุ้นจากภายนอกมากระทบร่างกายหรือสิ่งที่เป็นวัตถุ
คำว่าMental คือ สมอง เป็นศัพท์ที่บัญญัติที่เกี่ยวข้องกับวัตถุนิยม เป็นความคิดทุกอย่างที่เกิดจากสมองและเป็นศัพท์ที่ใช้เรียกในสิ่งที่เป็นนามธรรม แต่มันเกิดจากการคิดของสมองและก็ไม่ใช่จิตอีกนั่นแหล่ะ
สรุปแล้วก็คือ ในความหมายของคำทั้ง 4 นั้นก็ไม่เหมือนกันและไม่ต่างกันเท่าไรนัก นักปรัชญาก็คงเอาศัพท์เหล่านี้มาเป็นความหมายของจิตนิยม ซึ่งจิตนิยมก็คือ จิตหรือสภาวะทีเป็นนามธรรมมีความเป็นจริงสูงสุด และมีความสำคัญมากกว่าวัตถุ

4. ในเรื่องวัตถุนิยม มีความหมายว่าอย่างไรของลัทธินี้ และถ้าคนเบื่อลัทธินี้แล้วจะมีผลกระทบอะไรหรือไม่ ?
ตอบ วัตถุนิยม คือ สรรพสิ่งที่เกิดจากวัตถุธาตุต่าง ๆ เป็นปฐมเหตุของสรรพสิ่งไม่ว่าจะเป็นวัตถุ จิตวิญญาณ ความรู้สึก ความนึกคิดต่าง ๆ ล้วนเกิดมาจากวัตถุทั้งสิ้น และไม่ยอมรับในทัศนะของจิตนิยมด้วย ศูนย์กลางของมนุษย์และความรู้สึกต่าง ๆ อยู่ที่สมองและต่อมไร้ท่อต่าง ๆ ดังนั้น วัตถุเท่านั้นเป็นสภาวะที่แท้จริง
ส่วนคนที่เบื้อลัทธิวัตถุนิยมแล้วนั้น จะมีผลกระทบอย่างแน่นอน ไม่มากก็น้อย คือว่า ในโลกของชาวตะวันนั้นเป็นโลกที่เจริญทางด้านวัตถุหรือเทคโนโลยีสมัยใหม่นับไม่ถ้วน แต่ความเจริญทางด้านจิตใจกลับลดน้อยลงไปทุกที และเป็นสิ่งที่ไม่ได้พัฒนาไปตามวัตถุนิยม และเราจะเห็นได้ว่า ยุคปัจจุบันนั้นโลกของชาวตะวันตกนั้นมีความพยายามที่จะเข้าหาโลกของชาวตะวันออก ซึ่งถือว่าเป็นโลกที่มีความเจริญทางด้านจิตใจอยู่ จนบ้างครั้งการเข้าหาดังกล่าว กลับทำให้เชื่ออย่างงมงาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องนัก ควรจะมีทั้งทางด้านวัตถุและทางด้านจิตใจอยู่ด้วย และควรพัฒนาให้เจริญไปพร้อม ๆ กัน
5. เรื่อง Substance (มวลสาร) and Accident(การอิงอาศัยกัน) ตามแนวคิดของอริสโตเติลและตามแนวคิดของพุทธปรัชญาว่าอย่างไร ?
ตอบ substance and Accident ตามแนวของอริสโตเติลนั้นเห็นว่า substance ก็คือ Being หรือ มวลสาร หรือ วัตถุชนิดใดชนิดหนึ่ง คือ สิ่งซึ่งดำรงอยู่ได้ด้วยตัวของมันเอง เพราะเป็นที่อาศัยของลักษณะบังเอิญ (Accidents) ด้วย เพราะเป็นสิ่งที่เป็นประธาน เป็นตัวยืน หรือเรียกว่าคุณสมบัติปฐมภูมิ
ส่วน Accident ท่านมีแนวคิดว่า คือสิ่งที่มีอยู่จริง เช่นกัน แต่เป็นความมีอยู่ที่ไม่แน่นอนเสมอไปเหมือนกับ Substance Accident นั้นขึ้นอยู่กับความมีอยู่จริงของ Substance หรืออิงอาศัย Substance อยู่นั่นเอง เมื่อ Substance สลายไป Accident ก็สลายไปด้วย จะอยู่ไปทำไม
ส่วนเรื่อง Substance and Accident ตามแนวพุทธปรัชญานั้นเห็นว่า ทั้ง Substance และ Accident ก็มีความคล้ายๆกัน หรือต้องอิงอาศัยกันและในสภาวะทั้งสองอย่าง เช่นในเรื่องขันธ์ 5 นั้น จะเห็นได้ชัดว่า ระหว่างมหาภูตรูป 4 กับ อุปาทายรูป 24 นั้นต้องอิงอาศัยซึ่งกันและกัน ถ้าขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปทั้งสองอย่างจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย และก็คล้าย ๆ กับหลักปฏิจจสมุปบาทด้วย มันเป็นสิ่งที่เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยของมันเอง
สรุปแล้วก็คือ ทั้งสองทัศนะดังกล่าว ก็พยายามที่จะอธิบายเรื่อง Substance and Accidents ให้มีความชัดเจนทั้งสองฝ่าย ทั้งคู่ คือเป็นสิ่งซึ่งอาศัยซึ่งกันและกันเกิดขึ้นมา แต่อริสโตเติลบอกว่า เป็นความเปลี่ยนแปลงภายนอกเท่านั้นในเรื่องของ Substance
6.จงหาคำตอบที่เกี่ยวกับการเข้าถึงความจริงที่มีอยู่จริง ว่าอะไรคือปรากฏการณ์หรือมายา และเข้าถึงความจริงได้อย่างไร?
ตอบ การเข้าถึงความจริงนั้นก็ต้องรู้ธาตุแท้ว่าสิ่งหนึ่ง ๆ คืออะไร หรือเรียกว่า สารัตถะของสิ่งนั้น ๆ หรือแก่นแท้ของสิ่งนั้น ๆ ว่าเป็นอย่างไร เช่น แก่นแท้ของไฟก็คือความร้อน หรือความร้อนเป็นสารัตถะของไฟ ดังนั้น สารัตถะ (Essen) เป็นส่วนสำคัญและขาดไม่ได้ของสิ่งต่างๆ และการเข้าถึงความจริงที่มีอยู่จริง ๆ นั้นคือ การเข้าถึงแบบอัตถิภาวะ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ชัดเจน สามารถรับรู้ได้ เป็นสิ่งสัมบูรณ์โดยภาวะ มีความชัดเจน ดังนั้น อัตถิภาวะจึงพูดถึงสิ่งที่มีอยู่จริง ๆ ที่สามารถรับรู้ได้ทางประสาทสัมผัส และมีความมีอยู่จริง 2 ทัศนะ คือ
1. เป็นมายา คือเป็นความจริงปรากฏการณ์ชั่วคราว เป็นความหลอกลวง ไม่จริงแท้ เช่น ความเป็นพระ ครู นักเรียน ทหาร ซึ่งล้วนเป็นเพียงมายาไม่จริง เช่น เมื่อครั้งกระโน้นเป็นพระ แต่พอลาสิกขาแล้ว ก็ไม่ใช่พระ เป็นต้น
2. เป็นความมีอยู่จริงช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง เช่น นมสดเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง เมื่อใดมันเปลี่ยนแปลงกลายเป็นนมส้ม นมสดก็ไม่มี เพราะนมส้มไม่ใช่นมสด นมส้มจึงมีขึ้น และเมื่อใดนมส้มกลายเป็นเนย นมส้มก็จะไม่มีอยู่ แต่กลับเป็นเนย ซึ่งตัวอย่างดังกล่าวนั้นจัดว่า เป็นความมีอยู่จิรงเป็นช่วง ๆ โดยอาศัยกาลเวลาและสถานที่เป็นเครื่องแบ่งแยก
ส่วนการเข้าถึงความจริงได้นั้นมี 2 วิธีด้วยกันคือ
1.การเข้าถึงความจริงด้วยเหตุผล คือส่วนมากจะเป็นการเข้าถึงความจริงของพวกนักปรัชญา ที่ชอบตรึก ชอบคิด ชอบค้นคว้าของสิ่งต่างๆอยู่เสมอ และไม่เชื่อในเรื่องของการปฏิบัติ คือรู้ความจริงของสิ่งนั้นแล้วก็พอแค่นั้น
2.การเข้าถึงความจริงด้วยหลักศรัทธา คือการเข้าถึงความจริงนั้นคนทั่วไปส่วนใหญ่จะเห็นได้ด้วยตนเอง เห็นความจริงได้ด้วยประสบการณ์ตรงและเป็นความจริงที่อยู่เหนือโลกใบนี้



แนวข้อสอบ
วิชาพระพุทธศาสนากับปรัชญา
………………………………………..
ข้อสอบมีทั้งหมด 7 ข้อ เลือกทำ 5 ข้อ แต่บังคับให้ทำ 1 ข้อ
1. จงวิเคราะห์ในความเหมือนและความต่างระหว่างศาสนากับปรัชญามาดูพอเข้าใจ ? (ข้อบังคับ)
ตอบ ความเหมือนของศาสนากับปรัชญา มีดังนี้
ศาสนากับปรัชญามีบ่อเกิดเหมือน ๆ กัน คือ ศาสนามีบ่อเกิดมาจากความสงสัยในโลกและชีวิตซึ่งเป็นปรัศนาและมนุษย์ก็อาศัยปริศนานั้นเป็นมูลรากในการค้นหาคำตอบ และพยายามที่จะเข้าถึงปริศนาอันนี้โดยการบำเพ็ญเพียรบ้าง โดยการได้รับการเปิดเผยธรรมจากเบื้องบน เมื่อทราบปมหรือข้อมูลปรัศนาอันนั้นก็นำออกมาเผยแผ่แก่ผู้คน โดยมีหลักศรัทธาเป็นรากฐานแห่งการค้นพบนั้นเป็นคำตอบสุดท้าย ความสมเหตุสมผลจะมีหรือไม่มีไม่สำคัญ ซึ่งกระบวนการนี้ชื่อว่าเป็นบ่อเกิดของศาสนา
ส่วนปรัชญาก็มีบ่อเกิดมาจากการที่มนุษย์มีความสงสัยในปรัศนาของโลกและชีวิต แต่ความสงสัยของนักปรัชญานั้น จะต้องอยู่บนรากฐานของการแสวงหาเหตุผลของสิ่งที่เป็นปัญหาโดยไม่ยึดหลักศรัทธาเป็นคำตอบสุดท้าย สรุปแล้วก็คือว่า บ่อเกิดของศาสนากับปรัชญาจะเหมือนกันก็คือ เกิดความสงสัยในปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับโลกและชีวิต แต่ผลสุดท้ายทั้ง 2 อย่างนั้นกลับลงคนละจุดกัน กล่าวคือ ศาสนายุติที่ศรัทธาต่อสิ่งสูงสุด ส่วนปรัชญายุติที่ความพอใจในเหตุผลของคำตอบซึ่งผ่านกระบวนการคิดในเชิงปรัชญามาแล้ว
ความต่างของศาสนากับปรัชญา หากพิจารณาถึงองค์ประกอบแล้วต่างกันมาก คือ
องค์ประกอบของศาสนา ในปัจจุบันได้มีการตั้งกฎเกณฑ์ ๆ หนึ่งขึ้นมาเพื่อทีจะใช้เป็นกรอบในการตัดสินว่าศาสนาใดบ้างที่อยู่ในรูปแบบของศาสนาหรือไม่ มี 5 อย่าง คือ
1. ศาสดาหรือผู้ก่อตั้งของศาสนานั้น ๆ
2. ศาสนธรรมหรือคำสั่งสอน ได้แก่ คัมภีร์ซึ่งเป็นที่บรรจุคำสอนของศาสนานั้น ๆ
3. ศาสนพิธี ได้แก่พิธีกรรมทางศาสนาซึ่งมีบัญญัติไว้ในคำสอนของศาสนานั้น ๆ
4. ศาสนสถาน ได้แก่ สถานที่สำหรับประกอบพิธีหรือที่เคารพของศาสนิกชนของศาสนานั้น ๆ
5. ศาสนาบุคคล ได้แก่ผู้สืบทอดหรือเป็นตัวแทนของศาสนาในการเผยแผ่แนวคำสอนของศาสนาแก่บุคคล
องค์ประกอบของปรัชญา ความจริงแล้วเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสรุปได้ว่า มีอะไรบ้าง แต่นักปรัชญาจะต้องมีพื้นฐานอยู่ที่การเป็น “นักคิด” ซึ่งผิดกับนักศาสนาที่เป็นนักปฏิบัติ แต่มีประเด็นดังนี้ คือ
1. นักคิด ได้แก่นักปรัชญาหรือมนุษย์ผู้มีความใฝ่รู้ชอบคิดชอบสังเกตและสงสัยในปัญหาของโลกและชีวิต และสร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ ให้เกิดกับสังคม ซึ่งเป็นผู้รักในความรู้
2. สิ่งที่คิดหรือเนื้อหาของความคิด ได้แก่ ปัญหาพื้นฐานของปรัชญาที่เกี่ยวข้องกับโลกทัศน์ต่อโลกและชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่นักปรัชญาอยากรู้หรือต้องการแก้ปัญหาด้วยวิธีทางปรัชญา
3. วิธีคิด ได้แก่ ระบบของความคิดในเชิงตรรกะ ซึ่งเป็นการคิดแบบพื้นฐานของปรัชญาที่จะนำนักปรัชญาไปสู่ความเข้าใจในปัญหานั้น ๆ
4. ความรู้หรือคำตอบของปัญหาที่เป็นแบบปลายเปิด ได้แก้ สิ่งที่เป็นคำตอบที่สามารถอธิบายให้แก่คนอื่นได้รับรู้ และผู้พิจารณาสามารถโต้แย้งหรือนำไปคิดต่อได้โดยไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเชื่อสิ่งที่นักปรัชญาคิด
2. พระพุทธศาสนาเป็นทุนิยมใช่หรือไม่ อย่างไร ?
ตอบ พุทธศาสนานั้นจัดว่าเป็นทุนิยม ถ้ามองในแง่ตะวันตกมักจะกล่าวว่า พุทธศาสนามักจะสอนเน้นในเรื่องให้มนุษย์มองโลกในแง่ร้าย(ทุนิยม) ดังเช่น อริยสัจข้อที่ 1 คือ ทุกข์ นั่นคือจะมองอะไรก็เป็นทุกข์ไปหมด ทำไมไม่มองโลกในแง่ดีบ้าง(สุนิยม)
แต่ถ้ามองในแง่ของตะวันออกแล้ว พุทธศาสนาไม่ได้สอนให้มนุษย์มองในแง่ร้าย แต่สอนให้มนุษย์มองอะไรว่าไม่สวยไม่งามเป็นทุกข์หรือมองโลกในแง่ที่เห็นตามความเป็นจริง เช่น พระพุทธเจ้าตรัสว่า การเกิดก็เป็นทุกข์ การแก่ก็เป็นทุกข์ เป็นต้น นั่นคือลักษณะของความทุกข์ และทุกข์นั้นจัดว่าเป็นความจริง ส่วนสุขไม่จัดว่าเป็นความจริง เหมือนกับความมืดที่เป็นความจริงโดยธรรมชาติ ส่วนความสว่างไม่จัดว่าเป็นความจริงโดยธรรมชาติ เพราะต้องอาศัยแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ดวงดาวหรือไฟ ในด้านเศรษฐกิจ ประเทศที่เป็นหนี้เป็นสินประเทศอื่น เมื่อเกิดมาก็ยอมรับสภาพเป็นหนี้ไปด้วย ดังนั้นเมื่อเราสร้างความสุขให้มีขึ้น มีเงินมีทอง ความทุกข์ก็ลดลงไป ดังนั้น ทุกข์จึงเปรียบได้กับความมืดและความจริงโดยธรรมชาติ อาจจะเรียกว่าเป็นสัจจนิยมก็ได้
3. เรื่องกรรมและการเกิดใหม่ในมุมมองของพุทธปรัชญาเป็นอย่างไรบ้าง ?
ตอบ เรื่องกรรมในทัศนะของพุทธปรัชญานั้น เชื่อว่า เมื่อบุคคลทำกรรมใดไว้ ไม่ว่ากรรมนั้นจะดีหรือเลวก็ตาม ย่อมได้รับผลของกรรมนั้นอย่างหลีกเลี้ยงไม่ได้
ส่วนเรื่องการเกิดใหม่ พุทธปรัชญาเชื่อว่า การที่จะเกิดในที่ดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับกรรมที่ตนได้ทำไว้นั้นเอง กล่าวคือ เมื่อมนุษย์ประกอบด้วยขันธ์ 5 หรือรูปกับนาม ซึ่งส่วนที่ทำหน้าที่ไปเกิดใหม่นั้นก็คือ “จิตหรือวิญญาณ” นั่นเอง ถึงกระนั้น ถ้าวิญญาณไม่ก้าวลงสู่ครรภ์มารดา นามรูปจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ดังนั้นวิญญาณที่ดับในชาติก่อนเรียกว่า “จุติวิญญาณ” ส่วนวิญญาณที่เกิดใหม่เรียกว่า “ปฏิสนธิวิญญาณ” แต่จุติวิญญาณกับปฏิสนธิวิญญาณนั้นเป็นวิญญาณคนละดวงกัน เมื่อจุติวิญญาณจะดับลงนั้น จุติวิญญาณได้ส่งผลบุญและบาปออกไปอันเป็นปัจจัยให้เกิดในปฏิสนธิวิญญาณในชาติใหม่ภพใหม่ต่อไป
ถ้าว่าตามความเป็นจริงแล้ว จุติวิญญาณในชาติอดีตมิได้ข้ามมาเกิดในชาติปัจจุบันโดยตรง เพราะจุติวิญญาณเก่าได้ดับลงไปแล้ว แต่จุติวิญญาณได้ส่งพลังให้ปฏิสนธิวิญญาณอีกต่อหนึ่ง คือการส่งผลบุญและบาปที่จุติวิญญาณส่งมาให้นั้นแหละเป็นพลังให้เกิดปฏิสนธิวิญญาณ ปฏิสนธิวิญญาณจึงเป็นผู้รับมรดกจากจุติวิญญาณเพราะผลกรรมนั้นเองส่งผลให้ไปเกิดหรือเป็นปฏิสนธิวิญญาณใหม่เรื่อย ๆ ไป เช่น มีบ้านหลังหนึ่งกำลังถูกไฟไหม้อย่างรุนแรง และการไหม้อย่างรุนแรงของไฟนั้น ทำให้เป็นเชื้อเพลิงอย่างดีกับอีกบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ กัน คือความร้อนของไฟในบ้านที่ถูกไฟไหม้นั้น ได้แผ่กระจายความร้อนของไฟไปหายังบ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน จึงทำให้ไฟนั้นพร้อมที่จะลุกทุกเมื่อ เมื่อมีความร้อนถึงขีดจำกัดของมัน
การเกิดใหม่นั้น จะมีกรรมอย่างหนึ่งที่หล่อเลี้ยงอยู่คือ ชนกกรรม หมายถึงกรรมแต่งให้เกิด ซึ่งเมื่อมีพลังที่เรียกว่า ผลบุญและบาปอุปถัมภ์อยู่แล้วชีวิตย่อมเกิดอีกต่อไป เพราะกรรมตัวนี้มีส่วนให้กำเนิดปฏิสนธิวิญญาณ แต่เมื่อจิตหรือวิญญาณทำกรรมที่ทำด้วยกุศล ไม่มีโทษ มีแต่สุข กรรมเช่นนั้นย่อมเป็นไปเพื่อความดับกรรม จะไม่เป็นไปเพื่อเกิดกรรมใหม่อีกต่อไป เมื่อกรรมดับ การเกิดใหม่เพราะพลังแห่งชนกกรรมก็ไม่มี จึงสิ้นสุดในการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ นั่นคือ การเข้าถึงพระนิพพาน
4. จงวิเคราะห์ว่า พระพุทธศาสนาเป็นปรัชญาหรือไม่ อย่างไร ?
ตอบ พุทธศาสนานั้น “เป็น” ทั้งปรัชญาและศาสนา แต่ข้าพเจ้าจะขอกล่าวส่วนที่เป็นปรัชญา ดังนี้
สาเหตุที่พุทธศาสนาเป็นปรัชญาเพราะว่า ถือทั้งหลักศรัทธาและปัญญาหรือเหตุผล ซึ่งต่างจากบางศาสนาที่ถือแต่หลักศรัทธาอย่างเดียว โดยไม่ถือหลักเหตุผลเป็นสำคัญคือเชื่อคำสอนที่มีอยู่ในคัมภีร์อย่างเคร่งครัด แต่พุทธศาสนานั้นยึดหลักศรัทธาและเหตุผลที่มีต่อคำสอนในคัมภีร์พระไตรปิฏกเป็นสำคัญ กล่าวคือ ในประเด็นนี้จะยึดเอาแต่ความสมเหตุสมผลหรือความมีหลักเกณฑ์ของคำสอนที่สามารถอธิบายได้ และจะเชื่อก็ต่อเมื่อคำสอนนั้นสามารถให้คำตอบแก่มนุษย์ได้อย่างมีเหตุผล และมี 2 ประเด็นหลัก ๆ คือ
1. สาเหตุที่พุทธสาสนาเป็นปรัชญานั้นโดยเฉพาะคำสอนที่เป็นระบบมีความเป็นสมเหตุสมผลในตัวเอง เช่น หลักไตรลักษณ์ เราจะพบว่าเมื่อตรวจสอบไล่เลี้ยงดูแล้วสรรพสิ่งก็จะมีลักษณะเป็นเช่นนั้น หรือหลักปฏิจจสมุปบาท ที่เป็นหลักของความเกิดดับอย่างเป็นระบบของสรรพสิ่ง ดังนั้น พุทธศาสนาจึงเป็นปรัชญาขึ้นมาได้
2. คำสอนนั้นสามารถอธิบายได้โดยวิธีการทางปรัชญา โดยไม่ต้องติดค้างอยู่กับศรัทธาต่อพระพุทธองค์ ในประเด็นนี้นักปรัชญาจะเป็นกุญแจสำคัญ ที่ถือว่าการอธิบายคำสอนของพระพุทธองค์เป็นการเฉพาะ ไม่ปะปนด้วยเรื่องบุญญาธิการและการตรัสรู้ของพระพุทธองค์แม้แต่น้อย ซึ่งอธิบายคำสอนของพระพุทธองค์นั้นเป็นการแสวงหาสัจจะอันเป็นข้อเท็จจริงซึ่งซ่อนอยู่ในคำสอนนั้นออกมาอธิบายให้แก่คนอื่นได้รู้ ดังนั้นจึงทำให้พุทธศาสนาจึงชื่อว่าเป็นปรัชญาหรือพุทธปรัชญา
สรุปแล้ว ขั้นแรกที่พระพุทธองค์เกิดความสงสัยขึ้นกับพระองค์ ทำให้พระองค์ต้องอยากจะรู้ในสิ่งนั้นนั่นเองจึงทำให้พระองค์เป็น Philosophy ในความเข้าใจของชาวตะวันตก เมื่อพระองค์ทรงบรรลุธรรมแล้วจึงเรียกว่า ปัญญาหรือปรัชญาในความเข้าใจของชาวตะวันออก แต่ชาวตะวันออกมักจะอธิบายไปในแนวตะวันตก
5. จงวิเคราะห์เรื่องขันธ์ 5 ตามแนวพุทธปรัชญามาดู และย่อลงเป็น 2 อย่างมีอะไรบ้าง ?
ตอบ ขันธ์ 5 ตามแนวพุทธปรัชญามีดังนี้
1. รูป เป็นองค์ประกอบฝ่ายสสารหรือวัตถุพลังงาน รูปนี้เองเป็นร่างกายของมนุษย์ รูปมี 28 ประการ ได้แก่ มหาภูตรูป 4 หรือปฐมภูมิ 4 คือ ธาตุดิน ธาตุลม ธาตุน้ำ และธาตุไฟ เป็นสิ่งที่มีคุณภาพเบื้องต้น และอุปาทายรูป 24 คือ รูปที่เกิดจากมหาภูตรูปหรือเกิดขึ้นเพราะอาศัยมหาภูตรูป เรียกว่า ทุติยภูมิ เช่น ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เสียง กลิ่น รส สัมผัส และอื่น ๆ ดังนั้นมหาภูตรูปกับอุปาทายรูปจึงต้องการอิงอาศัยกัน ถ้าขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปทั้งสองอย่างจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย
2. เวทนา หมายถึง คุณลักษณะของจิตหรือวิญญาณ หมายถึง ความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือเพียงเฉย ๆ ไม่สุข ไม่ทุกข์ บางทีเรียกเวทนาเป็นเจตสิก เพราะเมื่อมีจิตหรือวิญญาณเวทนาจึงจะเกิด
3. สัญญา หมายถึง การจำได้หมายรู้ การจำอาการหรือลักษณะต่าง ๆ ของอารมณ์ เช่น สี สัณฐาน กลิ่น ความอ่อนแข็งและอื่น ๆ ในฝ่ายอภิธรรมเรียกว่าเจตสิก
4. สังขาร หมายถึง ลักษณะที่ปรุงแต่งจิตหรือประกอบกับจิตให้เป็นไปในทางดีหรือไม่ดี หรือเป็นกลาง ๆ สังขารจึงเปรียบเหมือนสี เมื่อเข้าไปผสมหรือเข้าไปในน้ำซึ่งเปรียบด้วยจิตก็ทำให้น้ำนั้นเป็นสีใดก็ได้ เพราะสีหรือสังขารเป็นเครื่องปรุงให้น้ำเป็นสีต่าง ๆ ได้
5. วิญญาณ หมายถึง ธรรมชาติที่สามารถรู้แจ้งอารมณ์โดยทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ฝ่ายอภิธรรมเรียกว่าจิต
และย่อลงเหลือ 2 อย่าง คือรูปกับนาม ที่ได้ชื่อว่าเป็นรูป เพราะประกอบด้วยสสารทั้งที่มีวิญญาณและไม่มีวิญญาณ ส่วนที่ได้ชื่อว่าเป็นนามนั้น เป็นองค์ประกอบฝ่ายจิตเพื่อปรุงแต่งให้มีชีวิต คือ เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ สรุปแล้วก็คือ วิญญาณหรือจิตจะมีปรากฏขึ้นได้ ต้องมีการรวมตัวของมหาภูตรูป 4 อย่างสมดุลกันด้วยดีจึงเกิดเป็นรูป แล้วตัวนามหรือวิญญาณ เวทนา สัญญา และสังขาร จึงจะเกิดขึ้นมีขึ้นได้ตามมา
6. แหล่งกำเนิดของความรู้ในพุทธปรัชญามีอะไรบ้าง และมีหลักการเชื่ออย่างไร ?
ตอบ แหล่งกำเนิดหรือบ่อเกิดของความรู้ในพุทธปรัชญา มี 3 อย่าง คือ
1. สุตมยปัญญา หมายถึงปัญญาที่เกิดจากการศึกษาเล่าเรียน การอ่านจากตำราหรือคัมภ์ที่น่าเชื่อถือได้ อย่างเช่นพระไตรปิฏกเป็นต้น ตลอดถึงการรับถ่ายทอกจากผู้ที่น่าเชื่อถือได้
2. จินตามยปัญญา ปัญญาหรือความรู้อันเกิดจากการคิด ใคร่ครวญอย่างมีโยนิโสมนสิการ พิจารณาเหตุผล วิเคราะห์ สังเคราะห์
3. ภาวนามยปัญญา ปัญญาหรือความรู้อันเกิดจากการพัฒนาหรือเกิดจากประสบการณ์ตรง อันเกิดจากสัญญาบริสุทธิ์และสัญญาพิเศษ ซึ่งต้องอาศัยพื้นฐานนั้นคือพุทธิปัญญาอันมีมาโดยสัญชาตญาณ
ส่วนหลักการเชื่อว่าอะไรเป็นความรู้ที่ถูกต้องและเป็นสิ่งที่ดี เป็นประโยชน์ และพระพุทธองค์ก็ทรงสรรเสริญความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ตรงหรือภาวนามยปัญญา ถ้าความรู้เหล่านั้นสอดคล้องกับความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ตรง ก็ให้ถือว่าเป็นความรู้ที่ถูกต้อง ฉะนั้นพระพุทธองค์จึงทรงให้พิจารณาโดยอาศัยกาลามสูตรเป็นเกณฑ์หรือเป็นมาตรฐาน ดังนี้
1. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา
2. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสืบ ๆ กันมา
3. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ
4. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์
5. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะหลักตรรกะ
6. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะการอนุมาน
7. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล
8. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีที่พินิจแล้ว
9. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะว่าน่าจะเป็นไปได้
10. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่าท่านเป็นสมณะนี้เป็นครูของเรา
สรุปว่า ในเมื่อความรู้จากแหล่งทั้งสามขัดแย้งกันเองเช่นนี้ เราต้องอาศัยประสบการณ์ตรงเป็นเกณฑ์ในการตัดสินความรู้ เพราะประสบการณ์ตรงมีน้ำหนักและสำคัญที่สุด อาจจะเป็นประสบการณ์ทางตาหรือทางใจก็ได้

Tuesday, March 13, 2007




บรรยากาศดีๆ ที่ ค่าย ....

Monday, March 12, 2007